สำหรับภาคกำเนิดใหม่ของ Lara Croft ตัวเอกหญิงสุดแกร่งของเกมส์ที่เคยสร้างตำนานชื่อเสียงอันโด่งดังกับการมาบ้านหลังใหม่ขวัญใจชาวไทยอย่าง Square Enix มาคราวนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนในหลายๆด้าน โดยเฉพาะตัวลาร่าเองนั้นมีความสวย ความน่ารักที่เพิ่มขึ้นมามากอย่างเห็นได้ชัด และรูปแบบเกมส์บู๊ที่ดุเดือดและดราม่ากระชากใจคนเล่นขึ้นมากอีกด้วย
ตัวเกมส์เพลย์นั้นจะเน้นไปที่การเอาตัวรอดและโชว์ความสามารถที่สุดเก่งของตัวลาร่าที่แสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวและเป็นที่มาของความแกร่งของเธอในเวลาต่อมานั่นเอง ด้วยความแปลกใหม่และการปรับเปลี่ยนหลายๆอย่างให้ดีขึ้นนี้น่าจะเป็นตัวที่ทำให้เธอได้ขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของเกมส์ผจญภัยได้ไม่ยากนัก แต่ดูแล้วลาร่าของเราก็สวยขึ้นมากเลยอ่ะ ดูๆไปแล้วก็คล้ายๆกับน้องพั้นนะ
ที่มา : นิตยสาร Gamemag Online
รีวิวเกมส์ Tomb Raider PS3 2013
1. เนื้อเรื่องรีบูทใหม่ซึ่งอิงจากตำนานที่มีอยู่จริง
เรื่องราวของเกมนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ลาร่า ครอฟท์ สาววัย 21 ปีผู้ชื่นชอบโบราณคดี ได้เดินทางไปกับคณะสำรวจของเรือ Endurance และเรือได้ไปอัปปางลงในทะเลทางตอนใต้ของญี่ปุ่น
ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เรียกว่าสามเหลี่ยมมังกร พื้นที่ซึ่งว่ากันว่าทั้งเรือทั้งเครื่องบิน หากโฉบเข้าไปใกล้แล้วจะไม่มีวันได้กลับออกมา โดยคณะเดินทางของเธอก็ได้มาเกยตื้นขึ้นที่เกาะยามะไท ที่เกาะแห่งนี้เธอได้พบปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติมากมาย ทั้งฝนตก แดดออก หิมะตกติดต่อกันได้ในวันเดียว
หากพยายามจะออกจากเกาะก็จะเจอพายุฝนฟ้าผ่าถล่มใส่จนไม่ได้ออก ไหนยังมีกลุ่มซามูไรญี่ปุ่นที่ใช้ชีวิตกันเหมือนคนหลงมาจากยุคโบราณซึ่งพวกมันจ้องจะเอาชีวิตผู้บุกรุกทุกราย มันดูแปลกประหลาดราวกับว่าโดนสาปไว้ไม่ให้ออกไปจากเกาะนรกนี้ได้
พวกลาร่ายังต้องผจญกับกลุ่มคนที่มาติดเกาะอยู่แล้ว ซึ่งพวกมันต้องการลักพาตัวแซม เพื่อนสาวของลาร่าไปด้วยเหตุผลที่เป็นปริศนา แล้วในเกาะแห่งนี้ลาร่ายังได้เรียนรู้ว่าเป็นที่ตั้งของสุสานราชินีสุริยะ ที่ว่ากันว่าเป็นคนทรงผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ดูเหมือนว่าพวกกลุ่มซามูไรและพวกที่มาติดเกาะอยู่ก่อนแล้วก็จะบูชาราชินีสุริยะนี้ด้วย
จากสาวน้อยผู้ไร้เดียงสา การพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาชีวิตให้รอดในเกาะนี้ ทำให้ลาร่าที่ถูกต้อนจนมุมต้องพัฒนาตัวเองขึ้นมา และก้าวข้ามทุกสิ่งทุกอย่างด้วยสัญชาตญาณของเธอ เธอต้องคลี่คลายปริศนาเข้าใจความเป็นมาของเกาะนี้ เพื่อหาแรงจูงใจของพวกศัตรูที่จ้องจะลักพาตัวเพื่อนเธอไป เพื่อช่วยเพื่อนของเธอ คลี่คลายคำสาป และหาทางกลับบ้านให้ได้
จุดที่น่าสนใจคือ ทั้งสามเหลี่ยมมังกร และราชินีสุริยะ ...เป็นเรื่องที่มีอยู่จริงบนโลกของเรา การเล่นเกมนี้ก็ได้ทำให้เรารู้จักตำนานเหล่านั้น และผมสนุกที่ได้ดูทีมงานเข้าผูกเรื่องว่าเพราะเหตุใดพื้นที่ดังกล่าวถึงได้กลายเป็นพื้นที่สุดลี้ลับของโลกไป
2. กราฟฟิคที่งดงาม งานอาร์ทที่ตัดแปะ
แม้เกมนี้จะแสดงผลที่ 720p แต่ภาพที่แสดงออกมาก็มีความละเอียดประณีตมาก หญ้าเป็นหญ้า พื้นเป็นพื้น บ้านเป็นบ้าน เรียกว่าใส่ใจรายละเอียดมาดีมาก พวกสถาปัตยกรรม ทั้งรูปปั้น ภาพแกะสลัก ภาพจิตกรรมบนฝาพนัง ฯลฯ ในเกมนี้ทำออกมาได้สวยงามจริงๆ ....แต่!! ตัวเกมดันมีงานออกแบบน้อยไปมาก กล่าวคืองานศิลป์ที่คุณเห็นแล้วตกตะลึงตั้งแต่ช่วงต้นเกม คุณก็จะได้เจองานแบบตัวเดิม ตั้งอยู่ในสถานที่ต่างๆ ซ้ำไปซ้ำมาทั้งเกม
เห็นครั้งแรกมันก็เร้าใจครับ แต่พอเจอรูปปั้นตัวเดิม ภาพจิตกรรมภาพเดิม นานเข้าก็อาจจะเฉยๆได้
3. CGI
ทั้งเกมมี CGI ช่วงเดียวคือฉากเปิดเกม ซึ่งดูเหมือนจะบีบอัดมามากไปหน่อย ทำให้ภาพมันแตกยับ เห็นเป็นโมเสคมาเลยทีเดียว
4. ศัตรูเน้นปริมาณเข้าสู้
ศัตรูในเกมนี้ แต่ละตัวแตกต่างกันตรงอุปกรณ์ที่ถือ ตัวไหนที่ถืออุปกรณ์แบบเดียวกัน ก็จะมี AI เหมือนๆ กัน การเคลื่อนไหว การตัดสินใจอะไรต่างๆ ก็จะคล้ายๆกัน และตะโกนเรียกพวกมาช่วย แล้วก็แห่มารุมล้อมเราจากทุกทิศทาง แต่ก็ทำให้เล่นแล้วได้ความสนุกและตื่นเต้นอยู่ดี
5. เกาะอันกว้างขวาง สมบัติมากมายที่รอให้เราไปเก็บ
ยอมรับเลยว่าเกาะของเกมนี้กว้างขวางมาก ทุกพื้นที่ที่เราเห็น เราสามารถวิ่งเข้าไปโหนไต่ได้หมด เรียกว่าเกมมีรายละเอียดด้านการออกแบบสถานที่ต่างๆ ดีมาก (แม้บางทีจะเยอะไปจนชวนท้อ ชวนเวียนหัว) อีกทั้งยังมีสมบัติวางอยู่ในสถานที่ต่างๆ เยอะแยะเต็มไปหมด ใครที่กะจะเก็บให้ครบก็คงต้องเหนื่อยกันมากหน่อย เพราะของซ่อนมันเยอะจริงๆ
6. การกำกับคัตซีนทำได้ธรรมดา แต่อีเวนต์ค่อนข้างเร้าใจ
คัตซีนเล่าเรื่องของเกมนี้ทำได้ค่อนข้างธรรมดา ดูๆ ไปแล้วจะหลับเอาได้ มุมกล้องก็มีแต่มุมธรรมดา เสียงพากย์ก็จืดๆ ไม่ค่อยได้อารมณ์ ดนตรีก็ช่วยบิวด์ไม่ค่อยได้ หากถามว่่าซีนไหนที่ชวนจดจำมากที่สุดในเรื่องผมตอบได้เลยว่า "ไม่มีซีนไหนน่าจดจำ"
แต่ทั้งนี้ ผมยอมรับว่าอีเวนต์ที่เกมกำหนดมาให้ค่อนข้างน่าสนใจ เกมนี้เต็มไปด้วยฉากเสี่ยงตายอันแสนหวาดเสียวของลาร่า ทั้งการปีนป่ายผาดโผนที่ต้องมีอะไรเหนือคาดให้เห็นอยู่ตลอด ปีนๆ อยู่ก็ต้องลุ้นว่าจะร่วงลงไปเมื่อไหร่? ร่วงไปแล้วจะเกาะอะไรได้หรือเปล่า? เกิดแบบนี้ขึ้นแล้วจะตายหรือไม่? ดูไปแล้วก็ได้ลุ้นตามไปตลอดเรื่องจริงๆ
7. ดนตรี
ดนตรีของเกมก็ดำเนินไปอย่างเรื่อยๆ เฉื่อยๆ ไม่มีเพลงที่ชวนให้ฟังแล้วซึ้ง หรือน่าจดจำเป็นพิเศษ แต่สำหรับฉากแอ็คชั่นนั้นยอมรับว่าทำออกได้น่าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง เล่นแล้วได้อารมณ์ร่วมมากมาย
8. ระบบอัพเกรดอาวุธและสกิลที่มีค่อนข้างน้อย ขาดความหลากหลาย
ในเกมนี้มีปืนอยู่แค่ 4 แบบ คือธนู ปืนไรเฟิลกล ปืนพก ปืนลูกซอง ถือว่ามีอาวุธน้อยมากเมื่อเทียบกับเกมอื่นๆ แม้ธนูจะยิงลูกธนูไฟ หรือยิงระเบิดติดไปด้วยได้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มความหลากหลายสักเท่าไหร่ การอัพเกรดอาวุธพวกนี้ จะอัพได้ด้วยการสะสมค่า Salvage ซึ่งได้จากการรื้อค้นกล่องสมบัติ ข้าวของ ศพต่างๆ พอมีค่า Salvage มากพอ ก็สามารถเอาไปอัพเกรดปืนต่างๆ ให้มีความรุนแรงมากขึ้น ความแม่นยำมากขึ้น จุกระสุนได้มากขึ้น ฯลฯ เหมือนกับเกมทั่วไปได้ แต่รวมๆ แล้วลูกเล่นตรงนี้ค่อนข้างน้อย
ส่วนพวกสกิลติดตัวลาร่า สกิลแต่ละอันมันก็ซ้ำไปซ้ำมา แต่อัพเกรดให้ดีขึ้น หลายๆ สกิลผมมองว่ามันควรจะไม่ควรจะแยกกัน ควรจะมัดรวมมาเป็นสกิลเดียวเลยด้วยซ้ำ ถ้าจับสกิลพวกนี้มารวมกลุ่มกันแล้ว จะเห็นว่าทั้งเกมมันมีสกิลอยู่ไม่กี่อันจริงๆ
9. ช่วง End Game
หลังจบเกมไปรอบหนึ่งแล้ว เราจะกลับมาอยู่ที่จุดเซฟแรกในเกาะ และสามารถออกสำรวจ ตามล่าขุมทรัพย์ที่เรายังเก็บไม่ครบจากทั่วเกาะได้ ซึ่งก็คือการมาหาของเท่านั้น ไม่มีศัตรูที่ไหนมาอีกแล้วเพราะเราจัดการไปหมดแล้ว ทำให้บางคนอาจจะเบื่อได้ แต่คิดในอีกแง่มุมก็คือทำมาได้สมจริงแล้วในระดับหนึ่งเท่าที่จะใส่เข้ามาในเกมส์ได้นั่นเอง ตรงนี้ก็แล้วแต่คนชอบครับ
10. Multiplayer ที่มี 4 โหมด
Multiplayer ในเกมนี้ประกอบด้วยโหมด 4 โหมดด้วยกันคือ จัดการให้เหี้ยน / แบ่งทีมล่า / เอากระเป๋ายาไปส่งที่จุดหมายให้ได้ / ยึดพื้นที่ไว้ให้ได้ ซึ่งรวมๆ แล้วไม่ค่อยมีความหลากหลายสักเท่าไหร่
ใน Multiplayer ช่วงแรกจะมีตัวละครให้เราใช้ประมาณ 10 ตัว แต่เมื่อเล่นไปแล้วเราจะมีเลเวลมากขึ้นเรื่อยๆ และได้ค่า Salvage มา โดยค่า Salvage ในโหมดนี้ก็จะเอาไปใช้ซื้อตัวละคร ซื้ออาวุธ ซื้อสกิลต่างๆ มาใช้ ซึ่งของยิ่งดีเท่าไหร่ ก็จะต้องแลกด้วยค่า Salvage จำนวนมาก และต้องมีเลเวลสูงมากพอถึงจะซื้อได้ เมื่อใดที่เราปลดตัวละครทั้งหมดครบ ก็จะมีตัวละครให้ใช้ 20 กว่าตัว ทว่าแต่ละตัวก็แตกต่างกันแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น ไม่ได้มีสกิลเฉพาะตัวแต่อย่างใด
สรุปคะแนน
เนื้อเรื่อง - 8 : เนื้อหาสั้น เข้าใจง่าย น่าสนใจ
เกมเพลย์ - 8 : สนุกดี ชอบระบบอัพเกรดของ
การกำกับศิลป์ - 9 : งดงามมาก แต่อาจมีซ้ำบ้างในบางจังหวะ
การกำกับอีเวนต์ - 7 : ภาพรวมคือทำได้ดีมากพอสมควร
ดนตรีประกอบ - 7.5 : มีเพลงประทับใจน้อยไปหน่อย
ความคุ้มค่า - 8.5/10
ที่มาเนื้อหา - ffplanet.exteen.com
ที่มาเนื้อหา - ffplanet.exteen.com